ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากโควิด-19 มากที่สุด เนื่องจากผู้สูงอายุนั้นมีภูมิคุ้มกันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ การดูแลผู้สูงอายุช่วงโควิด-19 จึงควรดูแลตามหลัก 5 อ ได้แก่ อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย เอนกายพักผ่อน และ ออกห่างจากสังคม โดยมีรายละเอียดดังนี้
- อาหาร
โดยปกติอาหารเป็นหัวใจหลักในการดูแลผู้สูงอายุ ช่วงที่ต้องรับมือกับโควิด-19 นี้ ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด ถูกสุขลักษณะ และควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ไม่รับประทานอาหารที่หวานหรือเค็มจนเกินไป
- อารมณ์
หมั่นสร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุเพื่อไม่ให้รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวด้วยการพูดคุยสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้สูงอายุ ทำกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน ชวนกันใช้เวลาว่างร่วมกันหรือทำกิจกรรมที่ทำให้ผู้สูงอายุภูมิใจในตัวเอง และไม่ควรให้ผู้สูงอายุติดตามข่าวสารมากจนเกินไปเพราะทำให้เกิดความเครียดได้
- ออกกำลังกาย
แม้ช่วงนี้จะไม่ควรออกกำลังกายนอกบ้านแต่ผู้สูงอายุที่อยู่ที่บ้านก็ควรออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างร่างกายที่แข็งแรง เช่น เดินภายในบริเวณบ้าน เดินซอยเท้าอยู่กับที่ แกว่งแขน ก็จะช่วยป้องกันสภาพร่างกายถดถอยในช่วงที่อยู่บ้านได้
- เอนกายพักผ่อน
เนื่องจากการนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ผู้สูงอายุจึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7 – 9 ชั่วโมงต่อวัน ควรให้ผู้สูงอายุเข้านอนเวลาประมาณ 3 ทุ่ม เพื่อพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เพราะหากนอนเร็วกว่า 3 ทุ่ม ผู้สูงอายุอาจตื่นนอนเร็วกว่าปกติ
- ออกห่างจากสังคม
Social Distancing หรือการสร้างระยะห่างทางสังคม เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้สูงอายุจึงควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการรับเชื้อไวรัสได้ หากจำเป็นควรใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เสมอ หรือติดต่อกับผู้สูงอายุผ่านการใช้วิดีโอคอลคุยกันผ่านทางสมาร์ทโฟนแทนก็ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้เช่นกัน
การดูแลผู้สูงอายุช่วงโควิด-19 นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผู้สูงอายุอันเป็นที่รักจากโรคร้ายที่กำลังแพร่ระบาดเพื่อให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข หากผู้สูงอายุมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง ไอ จาม หายใจไม่สะดวก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อวินิฉัยได้อย่างทันท่วงที